วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

Trip Lao 6 คืน 5 วัน ด้วยเงิน 4000 บาท (ตอนที่ 2: ตะลอนนครหลวงเวียงจันทร์)

กลับมาเขียน blog ต่อครับหลังจากงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้เขียนเลย นานจนต้องกลับไปอ่านตอนก่อนหน้าว่าตัวเองเขียนถึงไหนแล้ว เป็นไงบ้างครับสำหรับ เมื่องหลวงเก่าของ สปป ลาว วัฒนธรรมความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตแบบช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความสวยและมีเสน่ห์อยากที่ผมบอกไปไหมครับ....ผมหวังว่าทุกคนที่ได้ไปสัมผัสคงชอบกันนะครับ ข้างล่่างที่รูปเก็บตกที่ถีบรถถีบตะลอนๆๆอยู่ 2 วันที่หลวงพระบางครับ

อนุสรณ์อนุสรณ์ประธานสุพันวงค์

อนุสรณ์ประธานไกรสอน

รถถีบอินหลวงพระบาง กำลังข้ามแม่น้ำคานเพื่อไปวัดโพพานที่เห็นเจดีย์สีทองไกลๆๆครับ

วัดโพพาน สามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้จากบนวัดนี้เหมือนกันครับ


ถนนหน้าวังหลวงเดิม ตกดึกเป็นตลาดมืด แหล่งช๊อปปิ้งของหลวงพระบางยามค่ำคืนครับ
ของขายที่ตลาดมืด


ของขายที่ตลาดมืด

ของขายที่ตลาดมืด
เสื่อสกรีนสะบายดีหลวงพระบาง

กาแฟดาว (กาแฟลาว)

หลังจากอยู่หลวงพระบางกัน 2 วัน 2 คืนกันแล้ว เราก็ได้เวลาบอกลาเมืองหลวงพระบางกันเพื่อกลับไปตะลอนที่นครหลวงเวียงจันทร์กันต่อ หลังจากขามาได้ลองไปตระเวนแบบเฉียวๆๆมากันครับ การเดินทางกลับก็เหมือนตอนมาเลยครับ (จะพูดทำไม่ ฮ่าๆๆ) การเดินทางจากโรงแรมมาที่ท่ารถผมขอใช้บริการรถสามล้อเครื่องครับ สงวนราคาก็ 50 บาทแพงไปหน่อยแต่ยอมครับเพราะ 2 วันที่อยู่นี่ปั่นจักรยานจนกล้ามขึ้นขาแล้ว เพิ่มเติมสำหรับสิงห์นักปั่นที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน(เสือภูเขาหรือเสือหมอบ)ท่องเที่ยว หลวงพระบางเหมาะมากนะครับ มีเส้นทางที่น่าสนใจหลายเส้นทาง สนใจสอบถามที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวที่หลวงพระบางได้ครับอยู่ติดกับพระราชวังเก่าครับ กลับมาการเดินทางของผมต่อนะครับ หลังจากขอใช้บริการรถตุ๊กถึงท่ารถที่หลวงพระบางแล้วผมก็นั่ง ก็ได้นั่งรถคันเดิม เวลาเดิม คือประมาณ 19.00 กลับนครหลวงเวียงจันทร์กันครับ ใช้เวลาเดินทางกลับก็เหมือนเดิมครับ 12 ชั่วโมง ค่ารถ 130000 กีบครับ (ผมแนะนำให้ซื้อไว้ตั่งแต่ตอนมาถึงเลยจะดีกว่า กันปัญหาไม่มีตั๋วกลับ) ระหว่างทางกลับมีการแวะทานเผอเหมือนเดิม และผมก็ไม่ได้สัมผัสรสชาติเผออีกครั้ง เนื่องจากหลับไม่ตืน รถบัสมาถึงที่ท่ารถนครหลวงเวียงจันทร์เกือบ 7 โมงเช้า ผมก็ใช้บริการสามล้อเครื่องที่จอดรอรับคนเข้าไปที่ตัวเมืองเวียงจันทร์  จากที่เกริ่นๆๆไปเมื่อตอนที่แล้วว่าในนครหลวงเวียงจันทร์ ที่เที่ยวจะอยู่ใกล้ๆกัน ลักษณ์คล้ายๆหลวงพระบางก็จริงแต่รถบนท้องถนนจะมีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งบางช่วง เช่นแถวประตูชัย วัดพระแก้วรถอาจจะมากซักหน่อย เลยอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการถีบรถถีบเท่าไร แต่ถ้าท่านมีแรงเหลืออยากจะถีบก็มาร้านให้เช่าอยู่ทั่วไปครับ ค่าเช่าก็ 10000 กีบ (40 บาท) เท่ากับที่หลวงพระบาง แต่ผมเริ่มไม่อยากปั่นเท่าไรเลยขอสะบายๆ โดยเหมารถตุ๊กๆ ตะลอนนครหลวงเวียงจันทร์แทนครับ ต่อรองราคาสรุปที่ 500 บาทไปตะลุยได้เลยครับ
            ในนครหลวงเวียงจันทร์มีที่เที่ยวอยู่หลักๆๆ 5 ที่ครับ ผม mark ลงในแผนที่ให้ดูแล้ว


1. วัดพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ กับ พระราชานุสาวรีย์พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า
2. ประตูชัยลาว (เราไปมาแล้วก่อนจะเดินทางไปหลวงพระบาง)
3. อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้ม
4. วัดศรีเมือง
5. วัดพระแก้ว,วัดสีสะเกด,บ้านพักประธานประเทศลาวและ พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์

โดยผมเริ่มจากเบอร์ 1 กับ 3 ก่อนเลยเนื่องจากไกลจากจุดstart (ท่ารถเวียงจันทร์) มากที่สุดครับ
แต่ท่านไม่จำเป็นต้องจัดลำดับตามผมก็ได้นะครับแล้วแต่ความสะดวกของท่านได้เลยครับ 

1. พระธาตุหลวงนครหลวงเวียงจันทร์
               พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ถือว่าเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ (เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วในกรุงเทพบ้านเรา) ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างแยกไม่ออก สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็น hi light ของที่ลาวแห่งหนึ่ง ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงลาวเลยก็ว่าได้ครับ วัดนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
              ด้านหน้าวัดจะมีอนุสาวรีย์ของพระไชยเชษฐาธิราชเจ้า โดยพระองค์เป็นเป็นผู้ที่ย้ายเมื่องหลวงของลาวจากหลวงพระบางมายังนครหลวงเวียงจันทร์ในปัจจุบัน

 
พระนอนในวัดพระธาตุหลวง
พระราชานุสาวรีย์พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า
                         
พระธาตุหลวงนครเวียงจันทร์
2. ประตูชัย อันนี้ผมขอข้ามไปนะครับเนื่องจากเขียนไว้ในตอนที่แล้วครับ

ประตูชัยนครหลวงเวียงจันทร์
3. อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้มมหาราช 
                 สมเด็จเจ้าฟ้างุ่มมหาราช พระองค์เป็นปฐมกษัตริย์ของประเทศลาว ทรงเป็นผู้ก่อตั่งอาณาจักรล้านช้าง โดยทำสงครามตีเอานครเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบาง และหัวเมืองพวนทั้งหมด ตลอดจนหัวเมืองอีกหลายแห่งในที่ราบสูงโคราช (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านเรา) เข้ารวมเป็นอาณาจักรเดียวกันพระองค์ทรงสร้างอาณาจักรล้านช้างศูนย์กลางอยู่ที่ เมืองเชียงดง-เชียงทอง และทำให้เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน
อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้มมหาราช
4. วัดศรีเมือง
                เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ วัดศรีเมืองสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2106 โดยเหล่าเสนาอำมาตย์ของพระเจ้าไชยเชษฐาธราชได้ลงความเห็นให้สร้างวัดศรีเมือง ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาถูกกองทัพสยามทำลายลงในปีพ.ศ.2371 และสร้างวัดศรีเมืองขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2458 ภายในวัดศรีเมืองมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชำรุดไปบางส่วน ซึ่งชาวลาวเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
 
 
ประตูวัด
บรรยากาศในวัด
 5. วัดพระแก้ว,วัดสีสะเกด,บ้านพักประธานประเทศลาวและ พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์
ทั้งหมดนี้อยู่ใกล้กันครับ งั้นเรามาเริ่มที่วัดพระแก้วก่อนเลยครับ วัดพระแก้วเดิมที่เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตที่อยู่ในกรุงเทพ ปัจจุบันไม่ได้เป็นวัดแต่เป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถาณที่เก็บโบราณวัตถุมากมาย ต้องเข้าไปดูเลยนะครับ ที่นี่จะเสียค่าเข้าชม คนละ 5000 กีบครับ

วัดพระแก้ว
 วัดสีสะเกดอยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระแก้วเลยครับ เดินข้ามถนนก็ถึงเลย วัดสีสะเกดเป็นวัดที่ใช้ถ่ายหนังเรื่องสะบายดีหลวงพระบางภาคแรก ด้วยครับ วัดสีสะเกดเป็นวัดเพียงวัดเดียวที่ตั่งแต่สร้างมายังไม่ถูกทำลายจากสงครามครับ บ้างก็ลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สูงมาก แนะนำขอหวยเลยครับ
ประตูทางเข้าวัดสีสะเกด

วัดสีสะเกด

หอไตรวัดสีสะเกด
บ้านพักประธานประเทศสปป ลาวอยู่เยื้องๆกับวัดสีสะเกด
บ้านพักประธานประเทศ สปป ลาว
 พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์ตั่งอยู่ถนนด้านหลังบ้านพักประธานประเทศลาวครับ ด้านหน้าอนุสาวรีย์เป็นลานกว้างเลียบแม่น้ำโขง  ถ้าชั่วหน้าน้ำน้อยจะมองเห็นเป็นหาดทรายริมแม่น้ำครับ เหมาะกับการมาเดินกินบรรยากาศทิ้งทายก่อนจาก สปป ลาวกลับสู่เมืองไทยมากครับ เสียดายอยากเดียวไม่ได้มีโอกาสมาเดินซื้อของช็อปปิ้งตอนเย็น เพราะที่นี่ในเวลาตั่งแต่ 17.00 จะเป็นตลาดมืดของนครหลวงเวียงจันทร์ครับแต่ไม่เป็นไรครับทริปลาวหน้าผมไม่พลาดแน่นอน
พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์
บรรยากาศริมน้ำโขงหน้าอนุสาวรีย์
หลังจากนั่งรถตะลอนนครหลวงของ สปป ลาวจนทั่วเมืองผมก็กลับมาที่ท่ารถ (จุด start ในแผนที่) เพื่อรอนั่งรถรอบ 15.30 กลับหนองคายครับ

ตารางเวลารถจากนครหลวงเวียงจันทร์กลับหนองคาย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงท่ารถหนองคายประมาณเกือบ 5 โมงเย็นนิดๆๆ เลยพอมีเวลานิดหน่อยไปถ่ายรูปสะพานมิตรภาพก่อนจะขึ้นรถไฟฟรีขบวน 134 รอบ 19.15 กลับกรุงเทพโดยผมก็ต่อรองกับพี่รถตุ๊กตุ๊กที่จะให้ไปส่งผมที่สถานีรถไฟวิ่งนอกเส้นทางนิดหน่อยก่อนจะกลับมาส่งผมที่สถานีรถไฟหนองคาย แล้วก็อาบน้ำที่ห้องน้ำที่สถานีรถไฟ (สะอาดเกินคาดครับ) รอขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพครับ

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
รูปสุดท้ายของทริปขอทิ้งทายเป็นสะพานมิตรภาพไทยลาว ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย กับ สปป ลาว แต่สำหรับผมมันเป็นสะพานเชื่อมให้ผมไปพบเจอกับความน่ารักและวิถีชิวิตที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่งดงามของพี่น้องคนลาวซึ่งผมคิดว่ามันสวยงาม,น่าประทับ และมีเสน่ห์กว่าวัดหรือตึกสวยเห็นอีกนะครับ น่าเสียดายนิดหน่อยที่บ้านเราด้วยความเร่งรีบวิถีเมืองทำให้วิถีพื้นถิ่นนั้นเริ่มหาได้น้อยเต็มที แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมยังเชื่อว่าไม่ว่าที่ไหนก็ตามก็มีเสน่ห์ของตัวเองทั้งนั้นครับ แล้วพบกันใหม่กับทริปหน้าครับ

เก็บตกรูปที่เวียงจันทร์ & หลวงพระบาง

 




========================================================================
สรุปค่าใช้จ่าย
1. ค่าเดินทางจากกรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ = ฟรี
2. ค่าเดินทางจากสถานีรถไฟไฟท่ารถหนองคาย = 30 บาท
3. ค่าเดินทางจากหนองคาย-เวียงจันทร์-หนองคาย (ไป-กลับ) = 110 บาท
4. ค่าตั๋วเข้าประตูชัย = 15 บาท
5. ค่าตุ๊กไปท่ารถหลวงพระบาง + ค่ารถจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบาง = 100 + 650 บาท
6. ที่พักในหลวงพระบาง 2 คืน = 640 บาท
7. ค่าเช่าจักรยานในหลวงพระบาง 2 วัน = 80 บาท
8. ค่าตุ๊กไปท่ารถ + ค่ารถจากหลวงพระบางกลับเวียงจันทร์ = 50 + 650 บาท 
9. รถตุ๊กจากท่ารถเข้าเมืองเวียงจันทร์ = 100 บาท
10. รถตุ๊กๆอินเวียงจันทร์ = 500 บาท
11. รถตุ๊กๆอินหนองคายไปสะพาน&สถานีรถไฟ = 50 บาท
12. ค่าอาหาร = 1000 บาท 
อาหารแก้ความหิวในลาว แป้งจี่ หรือ แซนวิชแบบลาว
รวมค่าใช้จ่ายทั้งทริป = 3975 บาท