วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

Trip Lao 6 คืน 5 วัน ด้วยเงิน 4000 บาท (ตอนที่ 2: ตะลอนนครหลวงเวียงจันทร์)

กลับมาเขียน blog ต่อครับหลังจากงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้เขียนเลย นานจนต้องกลับไปอ่านตอนก่อนหน้าว่าตัวเองเขียนถึงไหนแล้ว เป็นไงบ้างครับสำหรับ เมื่องหลวงเก่าของ สปป ลาว วัฒนธรรมความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตแบบช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความสวยและมีเสน่ห์อยากที่ผมบอกไปไหมครับ....ผมหวังว่าทุกคนที่ได้ไปสัมผัสคงชอบกันนะครับ ข้างล่่างที่รูปเก็บตกที่ถีบรถถีบตะลอนๆๆอยู่ 2 วันที่หลวงพระบางครับ

อนุสรณ์อนุสรณ์ประธานสุพันวงค์

อนุสรณ์ประธานไกรสอน

รถถีบอินหลวงพระบาง กำลังข้ามแม่น้ำคานเพื่อไปวัดโพพานที่เห็นเจดีย์สีทองไกลๆๆครับ

วัดโพพาน สามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้จากบนวัดนี้เหมือนกันครับ


ถนนหน้าวังหลวงเดิม ตกดึกเป็นตลาดมืด แหล่งช๊อปปิ้งของหลวงพระบางยามค่ำคืนครับ
ของขายที่ตลาดมืด


ของขายที่ตลาดมืด

ของขายที่ตลาดมืด
เสื่อสกรีนสะบายดีหลวงพระบาง

กาแฟดาว (กาแฟลาว)

หลังจากอยู่หลวงพระบางกัน 2 วัน 2 คืนกันแล้ว เราก็ได้เวลาบอกลาเมืองหลวงพระบางกันเพื่อกลับไปตะลอนที่นครหลวงเวียงจันทร์กันต่อ หลังจากขามาได้ลองไปตระเวนแบบเฉียวๆๆมากันครับ การเดินทางกลับก็เหมือนตอนมาเลยครับ (จะพูดทำไม่ ฮ่าๆๆ) การเดินทางจากโรงแรมมาที่ท่ารถผมขอใช้บริการรถสามล้อเครื่องครับ สงวนราคาก็ 50 บาทแพงไปหน่อยแต่ยอมครับเพราะ 2 วันที่อยู่นี่ปั่นจักรยานจนกล้ามขึ้นขาแล้ว เพิ่มเติมสำหรับสิงห์นักปั่นที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน(เสือภูเขาหรือเสือหมอบ)ท่องเที่ยว หลวงพระบางเหมาะมากนะครับ มีเส้นทางที่น่าสนใจหลายเส้นทาง สนใจสอบถามที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวที่หลวงพระบางได้ครับอยู่ติดกับพระราชวังเก่าครับ กลับมาการเดินทางของผมต่อนะครับ หลังจากขอใช้บริการรถตุ๊กถึงท่ารถที่หลวงพระบางแล้วผมก็นั่ง ก็ได้นั่งรถคันเดิม เวลาเดิม คือประมาณ 19.00 กลับนครหลวงเวียงจันทร์กันครับ ใช้เวลาเดินทางกลับก็เหมือนเดิมครับ 12 ชั่วโมง ค่ารถ 130000 กีบครับ (ผมแนะนำให้ซื้อไว้ตั่งแต่ตอนมาถึงเลยจะดีกว่า กันปัญหาไม่มีตั๋วกลับ) ระหว่างทางกลับมีการแวะทานเผอเหมือนเดิม และผมก็ไม่ได้สัมผัสรสชาติเผออีกครั้ง เนื่องจากหลับไม่ตืน รถบัสมาถึงที่ท่ารถนครหลวงเวียงจันทร์เกือบ 7 โมงเช้า ผมก็ใช้บริการสามล้อเครื่องที่จอดรอรับคนเข้าไปที่ตัวเมืองเวียงจันทร์  จากที่เกริ่นๆๆไปเมื่อตอนที่แล้วว่าในนครหลวงเวียงจันทร์ ที่เที่ยวจะอยู่ใกล้ๆกัน ลักษณ์คล้ายๆหลวงพระบางก็จริงแต่รถบนท้องถนนจะมีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งบางช่วง เช่นแถวประตูชัย วัดพระแก้วรถอาจจะมากซักหน่อย เลยอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการถีบรถถีบเท่าไร แต่ถ้าท่านมีแรงเหลืออยากจะถีบก็มาร้านให้เช่าอยู่ทั่วไปครับ ค่าเช่าก็ 10000 กีบ (40 บาท) เท่ากับที่หลวงพระบาง แต่ผมเริ่มไม่อยากปั่นเท่าไรเลยขอสะบายๆ โดยเหมารถตุ๊กๆ ตะลอนนครหลวงเวียงจันทร์แทนครับ ต่อรองราคาสรุปที่ 500 บาทไปตะลุยได้เลยครับ
            ในนครหลวงเวียงจันทร์มีที่เที่ยวอยู่หลักๆๆ 5 ที่ครับ ผม mark ลงในแผนที่ให้ดูแล้ว


1. วัดพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ กับ พระราชานุสาวรีย์พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า
2. ประตูชัยลาว (เราไปมาแล้วก่อนจะเดินทางไปหลวงพระบาง)
3. อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้ม
4. วัดศรีเมือง
5. วัดพระแก้ว,วัดสีสะเกด,บ้านพักประธานประเทศลาวและ พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์

โดยผมเริ่มจากเบอร์ 1 กับ 3 ก่อนเลยเนื่องจากไกลจากจุดstart (ท่ารถเวียงจันทร์) มากที่สุดครับ
แต่ท่านไม่จำเป็นต้องจัดลำดับตามผมก็ได้นะครับแล้วแต่ความสะดวกของท่านได้เลยครับ 

1. พระธาตุหลวงนครหลวงเวียงจันทร์
               พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณี ถือว่าเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ (เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วในกรุงเทพบ้านเรา) ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างแยกไม่ออก สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็น hi light ของที่ลาวแห่งหนึ่ง ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงลาวเลยก็ว่าได้ครับ วัดนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
              ด้านหน้าวัดจะมีอนุสาวรีย์ของพระไชยเชษฐาธิราชเจ้า โดยพระองค์เป็นเป็นผู้ที่ย้ายเมื่องหลวงของลาวจากหลวงพระบางมายังนครหลวงเวียงจันทร์ในปัจจุบัน

 
พระนอนในวัดพระธาตุหลวง
พระราชานุสาวรีย์พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า
                         
พระธาตุหลวงนครเวียงจันทร์
2. ประตูชัย อันนี้ผมขอข้ามไปนะครับเนื่องจากเขียนไว้ในตอนที่แล้วครับ

ประตูชัยนครหลวงเวียงจันทร์
3. อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้มมหาราช 
                 สมเด็จเจ้าฟ้างุ่มมหาราช พระองค์เป็นปฐมกษัตริย์ของประเทศลาว ทรงเป็นผู้ก่อตั่งอาณาจักรล้านช้าง โดยทำสงครามตีเอานครเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบาง และหัวเมืองพวนทั้งหมด ตลอดจนหัวเมืองอีกหลายแห่งในที่ราบสูงโคราช (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านเรา) เข้ารวมเป็นอาณาจักรเดียวกันพระองค์ทรงสร้างอาณาจักรล้านช้างศูนย์กลางอยู่ที่ เมืองเชียงดง-เชียงทอง และทำให้เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน
อนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้มมหาราช
4. วัดศรีเมือง
                เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ วัดศรีเมืองสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2106 โดยเหล่าเสนาอำมาตย์ของพระเจ้าไชยเชษฐาธราชได้ลงความเห็นให้สร้างวัดศรีเมือง ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาถูกกองทัพสยามทำลายลงในปีพ.ศ.2371 และสร้างวัดศรีเมืองขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2458 ภายในวัดศรีเมืองมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชำรุดไปบางส่วน ซึ่งชาวลาวเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
 
 
ประตูวัด
บรรยากาศในวัด
 5. วัดพระแก้ว,วัดสีสะเกด,บ้านพักประธานประเทศลาวและ พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์
ทั้งหมดนี้อยู่ใกล้กันครับ งั้นเรามาเริ่มที่วัดพระแก้วก่อนเลยครับ วัดพระแก้วเดิมที่เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตที่อยู่ในกรุงเทพ ปัจจุบันไม่ได้เป็นวัดแต่เป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถาณที่เก็บโบราณวัตถุมากมาย ต้องเข้าไปดูเลยนะครับ ที่นี่จะเสียค่าเข้าชม คนละ 5000 กีบครับ

วัดพระแก้ว
 วัดสีสะเกดอยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระแก้วเลยครับ เดินข้ามถนนก็ถึงเลย วัดสีสะเกดเป็นวัดที่ใช้ถ่ายหนังเรื่องสะบายดีหลวงพระบางภาคแรก ด้วยครับ วัดสีสะเกดเป็นวัดเพียงวัดเดียวที่ตั่งแต่สร้างมายังไม่ถูกทำลายจากสงครามครับ บ้างก็ลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สูงมาก แนะนำขอหวยเลยครับ
ประตูทางเข้าวัดสีสะเกด

วัดสีสะเกด

หอไตรวัดสีสะเกด
บ้านพักประธานประเทศสปป ลาวอยู่เยื้องๆกับวัดสีสะเกด
บ้านพักประธานประเทศ สปป ลาว
 พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์ตั่งอยู่ถนนด้านหลังบ้านพักประธานประเทศลาวครับ ด้านหน้าอนุสาวรีย์เป็นลานกว้างเลียบแม่น้ำโขง  ถ้าชั่วหน้าน้ำน้อยจะมองเห็นเป็นหาดทรายริมแม่น้ำครับ เหมาะกับการมาเดินกินบรรยากาศทิ้งทายก่อนจาก สปป ลาวกลับสู่เมืองไทยมากครับ เสียดายอยากเดียวไม่ได้มีโอกาสมาเดินซื้อของช็อปปิ้งตอนเย็น เพราะที่นี่ในเวลาตั่งแต่ 17.00 จะเป็นตลาดมืดของนครหลวงเวียงจันทร์ครับแต่ไม่เป็นไรครับทริปลาวหน้าผมไม่พลาดแน่นอน
พระราชานุสาวรีย์เจ้าอนุวงค์
บรรยากาศริมน้ำโขงหน้าอนุสาวรีย์
หลังจากนั่งรถตะลอนนครหลวงของ สปป ลาวจนทั่วเมืองผมก็กลับมาที่ท่ารถ (จุด start ในแผนที่) เพื่อรอนั่งรถรอบ 15.30 กลับหนองคายครับ

ตารางเวลารถจากนครหลวงเวียงจันทร์กลับหนองคาย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงท่ารถหนองคายประมาณเกือบ 5 โมงเย็นนิดๆๆ เลยพอมีเวลานิดหน่อยไปถ่ายรูปสะพานมิตรภาพก่อนจะขึ้นรถไฟฟรีขบวน 134 รอบ 19.15 กลับกรุงเทพโดยผมก็ต่อรองกับพี่รถตุ๊กตุ๊กที่จะให้ไปส่งผมที่สถานีรถไฟวิ่งนอกเส้นทางนิดหน่อยก่อนจะกลับมาส่งผมที่สถานีรถไฟหนองคาย แล้วก็อาบน้ำที่ห้องน้ำที่สถานีรถไฟ (สะอาดเกินคาดครับ) รอขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพครับ

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
รูปสุดท้ายของทริปขอทิ้งทายเป็นสะพานมิตรภาพไทยลาว ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย กับ สปป ลาว แต่สำหรับผมมันเป็นสะพานเชื่อมให้ผมไปพบเจอกับความน่ารักและวิถีชิวิตที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่งดงามของพี่น้องคนลาวซึ่งผมคิดว่ามันสวยงาม,น่าประทับ และมีเสน่ห์กว่าวัดหรือตึกสวยเห็นอีกนะครับ น่าเสียดายนิดหน่อยที่บ้านเราด้วยความเร่งรีบวิถีเมืองทำให้วิถีพื้นถิ่นนั้นเริ่มหาได้น้อยเต็มที แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมยังเชื่อว่าไม่ว่าที่ไหนก็ตามก็มีเสน่ห์ของตัวเองทั้งนั้นครับ แล้วพบกันใหม่กับทริปหน้าครับ

เก็บตกรูปที่เวียงจันทร์ & หลวงพระบาง

 




========================================================================
สรุปค่าใช้จ่าย
1. ค่าเดินทางจากกรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ = ฟรี
2. ค่าเดินทางจากสถานีรถไฟไฟท่ารถหนองคาย = 30 บาท
3. ค่าเดินทางจากหนองคาย-เวียงจันทร์-หนองคาย (ไป-กลับ) = 110 บาท
4. ค่าตั๋วเข้าประตูชัย = 15 บาท
5. ค่าตุ๊กไปท่ารถหลวงพระบาง + ค่ารถจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบาง = 100 + 650 บาท
6. ที่พักในหลวงพระบาง 2 คืน = 640 บาท
7. ค่าเช่าจักรยานในหลวงพระบาง 2 วัน = 80 บาท
8. ค่าตุ๊กไปท่ารถ + ค่ารถจากหลวงพระบางกลับเวียงจันทร์ = 50 + 650 บาท 
9. รถตุ๊กจากท่ารถเข้าเมืองเวียงจันทร์ = 100 บาท
10. รถตุ๊กๆอินเวียงจันทร์ = 500 บาท
11. รถตุ๊กๆอินหนองคายไปสะพาน&สถานีรถไฟ = 50 บาท
12. ค่าอาหาร = 1000 บาท 
อาหารแก้ความหิวในลาว แป้งจี่ หรือ แซนวิชแบบลาว
รวมค่าใช้จ่ายทั้งทริป = 3975 บาท



วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

Trip Lao 6 คืน 5 วัน ด้วยเงิน 4000 บาท (ตอนที่ 1: สะบายดี หลวงพระบาง)


ประเทศลาว ประเทศบ้านพี่เมืองน้องของเรา  ตอนนี้คงไม่ใช่ที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยแล้วโดยเฉพาะ เวียงจันทร์และหลวงพระบาง ก็คงเป็นสถานที่ที่คุ้นเคยกับคนไทยไปแล้ว แต่ก็นะ ราคาค่าท่องเที่ยวก็คงราคาเกือบหมื่น หรือเฉียดๆๆ ใช่มั๊ยครับ วันนี้ผมเลยอยากเสนอทริปด้วยทริปยาวๆ แต่ค่าใช้จ่ายแบบสั้นๆ เที่ยวแบบ back pack เดินทางแบบชิวๆ ไปเวียงจันทร์กับหลวงพระบาง 6 คืน 5 วัน ด้วยเงิน 4000 บาท กันครับ....
(แนะนำช่วงเวลาในไปเที่ยวคือหน้าหนาวจะดีที่สุดแต่ถ้าไม่ชอบอากาศหนาวมากหน้าฝนก็น่าสนใจ ส่วนหน้าร้อนก็ลองไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ลาวดูซักครั้งก็ีดีนะครับ) เรามาริ่มทริปกันครับ เริ่มต้นทริปโดยรถไฟจากกรุงเทพด้วยรถไฟฟรีขบวน 133 ครับ ออกจากกรุงเทพ 20.45 ครับ (โชคดีไม่เสียเวลา).....




กว่าจะมาถึงก็ 10 โมงนิดๆๆ (ตามเวลาต้องถึง 09.35) เสียเวลานิดหน่อยแต่ฟรีก็โอเคครับ... จากนั้นก็พึ่งพี่วินไป บขส หนองคายเพื่อที่จะขึ้นรถบัสข้ามไปประเทศลาว แต่เนื่องจากต้องรอรถรอบเที่ยงครึ่ง เลยมีเวลาแวะไปเดินหาใส่ท้องที่ตลาดโพธิ์ชัย ถ้ามาหนองคายแนะนำต้องมาทาน ขนมปังยัดใส้กับไข่กะทะนะครับ ถ้ายังพอมีเวลา ก็แวะไปไหว้หลวงพ่อพระใส ที่วัดโพธฺ์ชัยซึ่งอยู่ใกล้ๆๆกันเพื่อความเป็นศิริมงคลและขอพรให้การเดินทางมีความปลอดภัยครับ



หลังจากไหว้พระทำบุญแล้วกันแล้ว จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางข้ามฝั่ง ซื้อตั๋วข้ามแดน ราคา 55 บาท อย่าลืมเตรียม passport ไปนะครับ หลังจากข้ามแดนถึงลาวแล้วก็เตรียมตัวเที่ยวกันเลยครับ 
          
สะบายดี......นครหลวงเวียงจันทร์

ในเวียงจันทร์ก็มีที่เที่ยวมากมาย มีทั้งวัดพระธาตุหลวงนครเวียงจันทร์ วัดพระแก้ว วัดสีสะเกต (วัดที่ถ่ายหนังเรื่องสะบายดีหลวงพระบางภาคแรก) วัดศรีเมือง บ้านพักของประธานประเทศลาว พระราชานุสาวรีย์พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า etc..
แต่สิ่งที่ถือเป็น hi light ของลาวคงหนีไม่พ้น ประตูชัย แต่ทั้งหมดนี้ผมคงไม่ได้ให้เที่ยวหมดภายในวันเดียวหรอกนะครับ เนื่องจากเราจะต้องขึ้นรถไปหลวงพระบางในหัวค่ำวันเดียวกัน แต่ข้อดีของที่เที่ยวที่นี่คือค่อนข้างจะอยู่ติดๆๆกัน สามารถเดินเที่ยวได้แบบสบายๆๆครับ ถ้าเป็นไปได้เตรียมแผนที่ไปด้วยก็ดีครับ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้กล้องมือถือถ่ายจากป้ายที่ท่ารถที่เวียงจันทร์ก็ได้ครับ แต่ไม่มีแจกฟรีนะครับ ต้องซื้อเอาผมเลือกแบบที่ถ่ายป้ายแผนที่จากมือถือ เอาครับ ประหยัดดี ผมจึงเที่ยวแค่บางส่วนก่อน ครับ ผมเริ่มต้นจากการไปเที่ยวประชัยก่อนเลยะครับ เดินจากท่ารถไปประมาณ 500 เมตร   



ที่นี่ก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเอกราชของลาว โดยใช้รูปแบบประตูชัยของฝรั่งเศษมาเป็นรูปแบบในการก่อสร้างของที่นี่ครับ
รอบๆๆก็จะมีสวนสวยๆ ให้ดูกันครับ เช่นสวนมิตรภาพ สวนประตูชัย สวนมิตรภาพ มาเลย์-ลาว ซึ่งอยู่ในบริเวณของประตูชัยครับ แต่แนะนำว่าอย่าลืมขึ้นไปบนประตูชัยเพื่อชมเมืองนครหลวงของ สปป ลาว แบบ พานอรามา นะครับ เสียปี๊ (ตั๋วในภาษาลาว) 3000 กีบ (ประมาณ 15 บาท)

สำหรับวันนี้เราจะเทียวเวียงจันทร์แบบสิวๆๆก่อนครับ เพราะเราจะกลับมาเก็บตกขากลับจากหลวงพระบางอีกที่ หลังจากนั้นเราต้องเดินทางต่อโดยรถตุ๊กตุ๊กๆๆ ครับ ที่ไปตุ๊กๆๆเพราะต้องไปที่ท่ารถบ้านดอนนาทอง เป็นท่ารถสายเหนือที่จะไปหลวงพระบางด้วยซึ่งห่างออกจากนครหลวงเวียงจันทร์ไปไกลพอสมควร ถามคนแถวนั้นบอกประมาณ 10 กิโลค่ารถ 100 บาท แต่หลังจากถึงที่ท่ารถแล้วก็อาบน้ำหาของรองท้องก่อนขึ้นรถ ผมก็กินเฟ้อไปครับ สงวนราคาก็ 40 บาท จากนั้นก็ไปซื้อปี๊ไปหลวงพระบางกัลล์ครับ รถที่ไปหลวงพระบางก็จะมี 3 แบบครับธรรมดา ปรับอากาศ และรถนอนปรับอากาศของจีน มีหลายรอบ พอดีไม่ได้ถ่ายภาพตารางรถมา แต่ลองดูลายละเอียดบางส่วนใน link http://www.louangprabang.net/content.asp?id=366นี้นะครับ แต่ที่ท่ารถจะมีเยอะกว่านี้เนื่องจากมีหลาย บริษัท ที่เปิดการเดินรถจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบางครับ เหมือนเรามี บขส แล้วก็มี นครชัยแอร์, สมบัตฺทัวร์ อะไรประมาณนั้นแหล่ะครับ แต่ผมแนะนำว่าไปดูสภาพรถก่อนตัดสินใจแล้วกันครับ ผมไปแบบ VIP เหมือนๆ ป1 บ้านเราครับเป็นปรับอากาศไม่มีห้องน้ำในตัว แต่มีแวะจอดให้เข้าห้องน้ำระหว่างทางครับ ราคา 130000 กีบ (มีอาหารทาน 1 มื้อ) ออก 18.30......... ออกเดินทางไปหลวงพระบาง

สะบายดีหลวงพระบาง.......
ท่ารถหลวงพระบาง
รถบัสโดยสารในลาว

ถึงท่ารถหลวงพระบางอย่างปลอดภัยเกือบๆๆ 6 เช้า ใช้เวลาเดินทางเกือบ 12 ชั่วโมง มีแวะทางเฝอข้างทางตอนเที่ยงคืนแต่เสียดายไม่ได้ชิมเนื่องจากง่วงนอนมากกว่าครับ จากนั้นหาที่พักซะก่อน ผมก็โชคดีนิดหน่อยมีคนแนะนำให้ไปพักแถวๆทางขึ้นวัดพระธาตุพูสี จำชื่อไม่ได้ แต่โอเคนะครับเป็นบ้านไม้ห้องแถวกันห้อง มีห้องน้ำในตัว WIFI, TV ติดแค่เป็นพัดลมเพดาน ราคา 320 บาทต่อคืน ถ้าอยากได้แอร์ก็มีครับ ก็ลองสอบถามราคาดู (ผม mark บนแผนที่ให้แล้วนะครับ ลองดู)
บรรยากาศแถวที่พัก จะเห็นพระธาตุพูสีอยู่ด้านบนครับ
หลังจากตื่นเช้ามาวันแรกก็ได้เวลาในการหาของรองท้องเพื่อเติมพลังบริเวณตลาดเช้า ร้านกาแฟชื่อดัง ประชานิยม..... เช้านี้ผมสั่งง่ายๆๆ กาแฟร้อนกับปาท่องโก๋ครับ
ร้านกาแฟประชานิยม
กาแฟ แอนด์ ปาท่องโก๋อินลาว
หลังจากเดิมพลังกันเสร็จก็เริ่มตะเวรเที่ยวเลยครับ ที่เที่ยวในหลวงพระบางก้อคล้ายๆๆที่นครหลวงเวียงจันทร์ครับ คือจะอยู่ติดๆๆกัน เดินเอาน่าจะเป็นท่าเลือกที่สะดวก แต่อยากสะบายๆก็ขี่จักรยานเอาก็ดีไปอีกแบบนะครับ แต่ผมขี้เกียจเดินเลยเช่าจักรยานครับ วันละ 10000 กีบ (40 บาท) โดยเช่าแถวๆๆที่พัก ก่อนจะไปร้านประชานิยมครับ เป็นคนไทยที่มาเปิด Guest house ที่ลาวครับ ผมอยู่ที่นี่ 2 วันกับ 2 คืน โดยผมปั่นตามแผนที่เลยครับ 
รถถีบอินหลวงพระบาง
แผนที่วัดในหลวงพระบาง
วัดวิชุน

วัดเชียงทองพระอารามหลวง
                  ที่นี่ถือว่าเป็น hi-light ของหลวงพระบางแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องมาแวะถ่ายรูป นอกจากจะเป็นพระอารามหลวงแล้วยังมีโรงเก็บราชรถ อยู่ภายในวัดด้วย 
อุโบสด์วัดเชียงทอง

ภายในอุโบสด์วัดเชียงทอง
ประตูโรงราชรถ ข้างหลังเป็นราชรถ

วัดธาตุหลวงพระอารามหลวง

วัดใหม่สุวัน
  วัดพระมหาธาตุ
อันนี้เป็นรูปวัดในหลวงพระบางบางส่วนที่ผมถ่ายมานะครับ แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศของหลวงพระบางแบบ 360 องศาก็ต้องใช้กำลังกันนิดหน่อยโดยขึ้นไปบนจุดชมวิวบนพระธาตุพูสี.
เมืองหลวงพระบาง (ถ่ายจากทางขึ้นวัดพระธาตุพูสี)

พระธาตุพูสี
ทางเดินขึ้นวัดพระธาตุพูสี
 นอกจากวัดที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์แล้ว ในเมืองยังมีตึกเก่าทรงฝรั่งและพระราชวังเดิมที่แม้ว่าจะเก่า แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงาม
ตึกเก่าทรงฝรั่งตามถนนเลียบแม่น้ำโขง

ตึกเก่าทรงฝรั่งตามถนนเลียบแม่น้ำโขง

อาคารรัฐสภาเก่า

อาคารรัฐสภาเก่า

พระราชวังเดิม

พระราชวังเดิม
หลังจากเที่ยววัด วัง และตึกเก่าๆ ที่แล้ว ช่วงตอนเย็นๆ ซัก 5 โมงเย็นแนะนำให้ไปนั่งเล่นที่หลวงพระบางยังมีสวนสาธารณะสวยๆ บรรยากาศดีๆ ให้นั่งเล่นแบบชิวๆ ซะหน่อยครับ

 เนื่องจากเรามีเวลาที่นี่ 2 วันกับ 2 คืนเพราะฉะนั้นแต่ละที่ที่ไปเที่ยว ผมแนะนำให้ใช้เวลาให้เต็มที่ได้เลยครับ ไม่ต้องรีบ เดินเล่นแบบสะบายๆ ได้เลยครบ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพวิว หรือ ภาพบรรยากาศภายในเมือง ผมเชื่อได้เลยว่าท่านน่าจะชอบที่นี่มากที่เดียวเลยครับ
ตกกลางคืนอย่าลืมไปแวะตลาดมืดแหล่งช๊อปปิ้งและของที่ขาซ็อปทั้งหลายไม่ควรพลาดครับมีของให้เลือกหลากหลายครับ แต่ส่วนใหญ่จะซ้ำๆกันครับ ราคาแต่ละร้านก็ไม่แตกต่างกันมาก ชอบของชิ้นไหนก็ซื้อไปได้เลยครับ ไม่ต้องเดินไปก่อนค่อยกลับมาดูใหม่ เพราะอาจจะโดนคนอื่นปาดหน้าเอาไปก่อน
ตอนหน้าเราจะกลับไปเที่ยวเวียงจันทร์กันครับ......